วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันเเม่เเห่งชาติ




12สิหาราชินี

วันแม่แห่งชาติ ในประเทศไทย ปัจจุบันตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเริ่มใช้วันดังกล่าวเป็นวันแม่แห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2519 ก่อนหน้านั้นเคยใช้วันที่ 10 มีนาคม, 15 เมษายน, และ 4 ตุลาคม
สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาว ส่งกลิ่นหอมได้ไกลและได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดยตีความเปรียบกับความรักบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่เสื่อมคลาย

ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย

งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุขแต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นม

12 สิงหาของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติไทย


ความหมายของคำว่า "แม่"
     คำว่า “แม่” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ไว้ดังนี้
     แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
     ในทางพระพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ซึ่งหมายถึง หญิงที่มีครอบครัวไว้หลายนัย เช่น
     1. แม่ บางทีเรียกว่า มารดา มารดร หมายถึง เป็นใหญ่ เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง เป็นต้น อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ภายในกิจการนั้นๆ ในที่นี้มาใช้กับผู้ให้กำเนิดแก่ลูกและหาตัวแทนไม่ได้
        - หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก และหาตัวแทนไม่ได้
        - คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
        - คนที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นนาย โดยไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง เช่น แม่ทัพ แม่กอง ฯลฯ
     รวมความแล้ว "แม่" คือ ผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน โดยการรับผิดชอบนั้นมีขอบเขตภายในบ้านเรือน
     2. ชนนี หมายถึง ผู้ให้กำเนิดลูก, เป็นที่บังเกิดเกล้าของลูก
     3. ภรรยา หรือภริยา หมายถึง
        - เมีย หรือ หญิงผู้เป็นคู่ครองของชาย
        - ผู้เลี้ยง หรือผู้ดูแลสมาชิกของครอบครัว
     นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
ภาษาอังกฤษ mom , mam
ภาษาโซ่ เม๋เปะ
ภาษาไทใต้คง เม เป็นต้น 
เพลง เรารักเเม่*-*

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย


    

        มาเลเซีย..พรรครัฐบาลคว้าชัยเลือกตั้ง


'นาจิบ'ชนะขาดเลือกตั้งมาเลย์ตั้งรบ.ได้

'นาจิบ'ชนะขาดเลือกตั้งมาเลย์ ได้ส.ส.เกินครึ่งสามารถตั้งรัฐบาลได้แล้วโพสต์เฟซบุ๊กปัดขนคนไปลงคะแนน หลังโลกออนไลน์กระหึ่มต่างด้าวเข้าคูหาเพียบ


           ผู้สนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายค้านในมาเลเซียออกไปใช้สิทธิ์จำนวนมากเป็นประวัติศาสตร์เกือบ 80% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 13.3 ล้านคน ทำให้การแข่งขันระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างคู่คี่สูสี ขณะเดียวกันก็มีการรายงานพบชาวต่างชาติสวมรอยใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ภาคประชาชนจับตาเต็มที่

           สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ว่า ชาวมาเลเซียราว 10.6 ล้านคน หรือประมาณ 80% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 13.3 ล้านคนในมาเลเซียออกไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งทั่วไป ที่ถือเป็นการกำหนดชะตาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศ และเป็นการแย่งชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 222 ที่นั่ง และสมาชิกสภาแห่งรัฐรวม 12 รัฐ อีก 505 ที่นั่งอย่างคู่คี่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ 56 ปีของมาเลเซีย

           มีรายงานว่า ที่เขตเลือกตั้งแห่งหนึ่ง มีคนไปเข้าคิวรอใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 70 คน ตั้งแต่ช่วง 5 นาทีก่อนเปิดคูหาเลือกตั้งในเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ใช้สิทธิ์บางคนบอกว่าไปรอตั้งแต่เวลา 07.00 น. เนื่องจากตื่นเต้นและต้องการใช้สิทธิ์เป็นคนแรก ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่าไปรออยู่ราว 30 นาทีก่อนเปิดคูหา เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญและอนาคตของประเทศอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน โดยรัฐที่จะเรียกความตื่นเต้นได้มากที่สุดก็คือ รัฐยะโฮร์ ที่ฝ่ายค้านพยายามอย่างหนักที่จะเอาชนะให้ได้ เพื่อจะได้ที่นั่งเพิ่มในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบอร์เนียว ซาบาห์ และซาราวัค ต่างก็เป็นจุดที่มีการแข่งขันดุเดือดเช่นกัน

           การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการแสดงพลังระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาล บาริซาน นาเซียนัล หรือกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้สูงอายุในมาเลเซีย กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนับสนุนกลุ่มปากาตัน รัคยัต หรือภาคีประชาชน และวัดกันว่าฝ่ายใดจะได้ที่นั่ง 112 ที่นั่ง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเก้าอี้ ส.ส. 222 ที่นั่งก่อนกัน และพรรคที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ต้องได้ที่นั่งรวมทั้งหมด 2 ใน 3 หรือ 148 ที่นั่ง

           นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่เมืองเปกัน รัฐปะหัง ที่อยู่ห่างไปทางตะวันออกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ 240 กิโลเมตร ส่วนนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้าน ไปใช้สิทธิ์ในรัฐปีนังทางเหนือของมาเลเซีย ท่ามกลางผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายที่ไปให้กำลังใจกันอุ่นหนาฝาคั่ง

           หลังจากการใช้สิทธิ์ นายราซัคได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า เวลาสำหรับการลงคะแนนเสียงหมดลงแล้ว ขอบคุณที่แสดงความรับผิดชอบในฐานะชาวมาเลเซีย การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่ก็มีเสียงร้องเรียนจากผู้ใช้สิทธิ์บางคน ที่บอกว่าชื่อของพวกเขาถูกขีดทิ้ง เพราะมีคนมาสวมสิทธิ์เลือกตั้งไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาอีกมาก กรณีชาวต่างชาติถูกจับได้ในขณะพยายามไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และมีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกสังคมออนไลน์และข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอสว่าพบชาวต่างชาติจำนวนมากอยู่ตามคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศ

           นายนาจิบ ยังได้โพสต์ข้อความปฏิเสธในทวิตเตอร์ว่า พรรครัฐบาลของเขา ไม่ได้ส่งผีไปสวมสิทธิ์ เพื่อเอาคะแนนเสียงและยืนยันว่าเป็นการเลือกตั้งที่ยุติธรรม

           ขณะที่ 3 พรรคพันธมิตรของนายอันวาร์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งความหวังว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่พรรครัฐบาลกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินสาธารณะในทางมิชอบ การเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติ และความเย่อหยิ่ง จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ผลักดันฝ่ายค้านก้าวขึ้นสู่อำนาจเป็นครั้งแรก ซึ่งนายอันวาร์กล่าวว่า หวังว่าจะได้เข้าไปเปลี่ยนระบบการปกครอง ซึ่งหมายถึงการปฏิรูปทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและรัฐธรรมนูญ

           นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านได้แสดงความวิตกเรื่องการโกงเลือกตั้ง โดยระบุว่า ฝ่ายรัฐบาลใช้แรงงานอพยพจากบังกลาเทศ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียมาสวมสิทธิ์เลือกตั้งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายอันวาร์กล่าวว่า ขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ไม่เพียงแค่ทุจริต แต่เป็นความพยายามปล้นการเลือกตั้ง ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและไม่แยแสรัฐธรรมนูญ

           ทั้งนี้มีภาพปรากฏในเฟซบุ๊กของชาวมาเลเซียที่ว่ากลุ่มประชาชนได้เข้าสกัดรถบัสที่บรรทุกชาวบังกลาเทศ ที่เชื่อว่าถูกเกณฑ์เข้ามาสวมสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ในเขตเกลัง ปานดามาราน ในรัฐเซลังงอร์ โดยสภาพรถมีร่องรอยการถูกทุบทำลายและใช้ของแข็งทุบกระจก และมีภาพการควบคุมตัวชาวบังกลาเทศจำนวนหนึ่งโดยประชาชนชาวมาเลเซียไว้ด้วย

           ต่อมาเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ตรงกับเวลา 16.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ปิดหีบลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใน 8,789 จุด และเริ่มการนับคะแนนโดยทันทีเช่นกัน โดยจะทราบผลการเลือกตั้งได้ภายใน 2 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลชุดต่อไปจะได้รับการประกาศภายในเวลาเที่ยงคืน หรือ อาจจะเป็น 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 23.00 น. ถึง 24.00 น. ตามเวลาในไทย
           ต่อมาเวลา 20.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย เว็บไซต์เอเชียน คอร์เรสปอนเดนท์ รายงานผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 13 ที่เพิ่งปิดหีบเลือกตั้งเมื่อราว 3 ชั่วโมงที่แล้วว่า ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล หรือ เนชั่นแนล ฟรอนท์ ได้รับการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.16 ที่นั่ง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชน หรือกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน ได้คะแนนสนับสนุนเพียง 5 ที่นั่ง โดยพรรคที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จะต้องมีจำนวน ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 148 เก้าอี้
           การนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. และสมาชิกสภาแห่งรัฐของมาเลเซียยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการจากมาเลเซีย เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น. ตามเวลาในประเทศไทยว่า กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชน หรือพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียได้เก้าอี้ ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 41 เก้าอี้ แต่ยังมีจำนวน ส.ส.ตามหลังแนวร่วมแห่งชาติ หรือพรรคร่วมรัฐบาลที่นำอยู่ด้วยคะแนน 45 เก้าอี้
           จนกระทั้งล่าสุดเวลา  23.53 น. ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งมาเลเซียได้ประกาศว่าจนถึงขณะนั้น มีการนับคะแนนแล้ว ปรากฎว่า ส.ส.จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติได้ที่นั่งทั้งหมด 112 ที่นั่ง เกินครึ่งหนึ่งที่ต้องการนั้นคือ 111 ที่นั่ง จากที่นั่งทั้งหมด 222 ที่นั่ง นั้นคือสามารถจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
           ขณะที่พรรคฝ่ายค้านหรือกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชน ได้ที่นั่งรวมทั้งสิ้น 56  ที่นั่ง แต่อยู่ในระหว่างการนับคะแนนอีก 52 ที่นั่ง